วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เคยสงสัยว่า เอ๊ คนที่มีบุญเนี่ยเค้าดูกันอย่างไร แล้วต้องทำไงถึงจะได้เป็นคนที่มีบุญกะเค้าบ้าง ไม่รู้ใครเคยเป็นรึเปล่านะเวลาที่เราไปวัดก็จะได้ยินว่า คนนั้น คนนี้เค้ามีบุญนะ อย่างงั้น อย่างงี้ ไอ้เราก็เอ๊ แล้วเราล่ะไม่มีบุญเหรอ แป่ว!(แอบอิจฉาเล็กๆ)

วิธีทำบุญ  การทำความดีทุกอย่างล้วนได้ผลออกมาเป็นบุญทั้งสิ้น แต่เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ และนำไปปฏิบัติเราสามารถแบ่งวิธีทำบุญออกได้ ๑๐ วิธีเรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ ได้แก่ 
    ๑.ทาน  คือ การบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้ที่ควรให้
   
๒.ศีล  คือ การสำรวมกายวาจา ให้สงบเรียบร้อย

   
๓.ภาวนา   คือ การสวดมนต์ ทำสมาธิ อ่านหนังสือธรรม ฯลฯ

   
๔.อปจายนะ คือ การมีความเคารพอ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรม

   
๕.เวยาวัจจะ คือ การช่วยเหลือขวนขวายในกิจที่ชอบ

   
๖.ปัตติทานะ คือ การอุทิศส่วนบุญแก่ผู้อื่น

   
๗.ปัตตานุโมทนา คือ การอนุโมทนาบุญที่ผู้อื่นทำ

   
๘.ธัมมัสสวนะ คือ การฟังธรรม

   
๙.ธัมมเทศนา คือ การแสดงธรรม

   
๑๐.ทิฏฐุชุกัมม์ คือ การปรับปรุงความเห็นของตนให้ถูกต้อง

   ทั้ง ๑๐ ประการนี้ สรุปลงได้เป็นบุญกิริยาวัตถุ ๓ คือ
    -
ทาน  คือ ๑,,,  เป็นการฆ่าความตระหนี่ออกจากใจ

    -
ศีล คือ ๒ เป็นการป้องกันตนไม่ให้ทำชั่ว

    -
ภาวนา คือ ๓,,,,๑๐ เป็นการฝึกตัวเองให้ฉลาดแข่งบุญแข่งวาสนาใช่ว่าแข่งไม่ได้ แต่ถ้าแข่งแล้วไซร้ต้องแข่งด้วยการทำความดี


แล้วก็อยากรู้อีกอย่างนึงว่า เค้ามีแรงบันดาลใจอะไรเหรอถึงทำให้ตั้งใจทำความดีกันซะขนาดนั้นน่ะ ....ขี้สงสัยจิงๆ (ก็คนมันสงสัยอ่ะ)

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ปีใหม่ผ่านไป

เคยอ่านบล็อกของคนอื่นๆที่เขียนบอกว่า ปีที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง ทีนี้พอมามองตัวเองไม่เห็นมีอะไรเลยเนอะ
เคยลองพยายามทำอะไรๆ อยู่หลายอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าไม่เห็นมีอะไรที่มันเป็นชิ้้นเป็นอันเลยอ่ะ มาวิเคราะห์ดูนะ เวลาส่วนใหญ่ก็หมดไปกับการลอง พยายามที่จะลดน้ำหนัก(ตั้งเเต่เด็กจนโตเลย) ก็เดี๋ยวยุบเดี๋ยวพองอยู่อย่างนี้แหละอ่ะนะ

แต่สิ่งที่ทำได้ดีและเก่งที่สุดก็คือ สวดมนต์และเก็บตังค์ มั้ง อยากเป็นคนที่เท่ๆ ชิคๆกับเขามั่งอ่ะ เวลาเห็นเค้าไปเที่ยวต่างประเทศ เค้าดูชิคๆ เท่ๆ เนอะ อยากเป็นมั่งง่ะ แล้ววิธีที่จะทำตัวเองให้เท่ที่สุด ชิค ที่สุดเค้าทำกันยังไงล่ะ?


ยังนึกไม่ออก แต่ที่แน่ๆ ปีนี้ที่อยากทำ และต้องทำให้ได้ตามเป้าคือ

1.เก็บเงินให้ได้ 100000 บาท
2.ไปเที่ยว ญี่ปุ่น หรือ อินเดีย ก่อนย้ายร้าน (around April 2012)

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า

คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า




ประวัติ คาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ต.บางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา
คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า
คาถาพระปัจเจกะโพธิ์

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ตั้งนะโม 3 จบ)

วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม

คาถาพระปัจเจกะโพธิ์นี้ ว่า 3 จบ หรือ 5 จบ หรือ 7 จบ หรือ 9 จบ ก็ได้แต่ต้องสม่ำเสมอจึงจะเกิดผล


ประวัติ คาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์

พระ คาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์นี้ หลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เรียนมาจากครูผึ้ง จังหวัดนครศรีธรรมราช (ท่านทาทานให้ขอทานครั้งละ ๑ บาท ซึ่งสมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวข้าวแกงจานละห้าสตางค์เอง)

เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๒ หลวงพ่อปาน พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปทุกภาคขอประเทศไทย ทิศเหนือไปถึงเชียงตุงของพม่า ทิศตะวันออกไปสุดภาคอีสานและได้ขออนุญาตข้ามเขตไปในอินโดจีนของฝรั่งเศลถึง ประเทศญวน ทิศใต้ได้ไปถึงปีนังของอังกฤษ

พบท่านครูผึ้ง

เมื่อ ไปถึงนครศรีธรรมราช ในเย็นวันที่ได้ไปถึงนั่นเอง ขณะที่หลวงพ่อปานเข้าห้องจำวัดพักผ่อน โดยมีพระภิกษุอุปฐากกับทายกคอยเฝ้าอยู่หน้าห้องพักนั้น ประมาณเวลา ๑๗.oo น. ได้มีท่านผู้มีอายุท่านหนึ่ง รูปร่างเพรียว ท่าทางสง่า ผิวขาว นุ่งห่มผ้าม่วงสีน้ำเงินสวมเสื้อนอกราชประแตน กระดุม ห้าเม็ด ถุงเท้าขาว รองเท้าคัชชูสีดำ สวมหมวกสักหลาด ถือไม้เท้าเลี่ยมทอง ได้มาหาระอุปฐากถามว่า ‘หลวงพ่อตื่นแล้วหรือยัง?’ ก็พอดีได้ยินเสียงหลวงพ่อพูดออกมาจากห้องว่า ‘ไม่หลับหรอกแหมนอนคอยอยู่ คิดวาผิดนัดเสียแล้ว’ แล้วหลวงพ่อก็เดินออกมาจากห้องพัก เมื่อนั่งลงแล้ว ผู้เฒ่าผู้มาหาพูดว่า ‘ผมไม่ผิดนัดหรอกครับ เห็นว่าท่านเพิ่งมาถึงใหม่ๆ กำลังเหนื่อย และมีคนมาคอยต้อนรับกันมากก็เลยรอเวลาไว้ก่อน ตอนเย็นนี้คิดว่าว่างจึงเลือกเวลามา’ ขณะที่ท่านทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้นสร้างความสงสัยให้แก่คณะที่ได้ไปด้วยกัน เป็นอันมาก เพราะไม่เคยเห็นว่าคนทั้งสองพบกันที่ไหนเลย ทำไมจึงพูดกันถึงเรื่องนัดหมาย ขณะที่คณะเกิดสงสัยนั่นเองหลวงพ่อได้พูดว่า ‘พวกเราสงสัยหรือ? ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกต่อไป โยมผู้เฒ่านี้ได้ทางใน ฉันพบกับโยมตั้งแต่เดินทางมาถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้

นัด หมายกันไว้ว่าจะมาพบกันที่นี่ ต่อไปนี้พวกเราจะพ้นความยากจนแล้ว เพราะโยมผู้นี้มีของดี’ แล้วหลวงพ่อก็พูดกับผู้เฒ่านั้นว่า โยมมีของดี ก็เอาของดีออกมาอวดพวกนี้หน่อยซิ หรือมีอะไรขัดข้อง?

ท่านผู้เฒ่าได้บอกว่า ท่านชื่อผึ้ง อายุ ๙๙ ปี

ท่านครูผึ้งเล่าประวัติพระคาถา

(มอง ดูแล้วคนในคณะที่ไปกับหลวงพ่อ อายุ ๕o เศษ เหมือนจะแก่กว่าเท่าๆกับท่าน) เมื่ออายุท่านได้ประมาณ ๔o ปี ได้มีพระธุดงค์เดินธุดงค์มารูปเดียวท่านเห็นพระรูปนั้นแล้วรู้สึกเลื่อมใส มาก จึงได้นิมนต์ให้พักอยู่เพื่อบำเพ็ญกุศล ๔ วัน ได้ปฎิบัติท่านอย่างดีเท่าที่จะทำได้ ได้เรียนกรรมฐานจากท่าน ท่านได้สอนให้เป็นอย่างดี เมื่อจะกลับท่านพูดว่า ‘โยมฉันจะลากลับ ต่อไปจะไม่ได้มีโอกาสผ่านมาอีก หากโยมอยากพบอาตมา ก็ขอให้จุดธูปอาราธนาพระ แล้วอาตมาจะมาพบทางใน’ แล้วท่านได้มองพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์บทนี้ให้ พร้อมทั้งอธิบายวิธีปฎิบัติ ท่านว่าทำเพียงเท่านี้พอเลี้ยงตัวรอด เงินทองของใช้ไม่ขาดมือ ถ้าปฎิบัติเป็นกรรมฐานทำให้ถึงญาณแล้วจะร่ำรวยเป็นเศรษฐี โยมเอาพระคาถาบทนี้ภาวนาเป็นกรรมฐานเถิดนะ ไม่เกิน ๒ ปี โยมจะรวยใหญ่ เงินทองจะหลั่งไหลมาเอง พระคาถาบทนี้ของปัจเจกะพุทธเจ้า ตระกูลอาตมาได้เรียนสืบต่อกันมาทุกคน ไม่มีใครจน อย่างจนก็พอเลื้ยงตัวรอด

ให้หลวงพ่อปานเรียนพระคาถา

เมื่อ พูดจบได้มองพระคาถาให้หลวงพ่อเรียนแล้วบอกว่า ได้โปรดอย่าปิดบังพระคาถาบทนี้เลย ขอให้กรุณาแจกเป็นธรรมทานด้วย แล้วหลวงพ่อก็หลับตาเข้าสมาธิ ท่านครูผึ้งก็หลับตาเข้าสมาธิต่างคนต่างหลับตา ประมาณ ๕ นาที ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกันต่างคนต่างยิ้ม เสียงท่านครูผึ้งพูดว่า ‘ผมดีใจด้วยที่ต่อไปเบื้องหน้าท่านจะได้ศิษย์คู่ใจ’ หลวงพ่อก็หัวเราะ

ตอบคำถามหลวงพ่อ

หลวง พ่อถามว่า ท่านอาจารย์ทำนานนักไหม จึงจะรู้ผล อาจารย์ตอบว่า ไม่นานครับ ประมาณเดือนแรกผ่านไปเริ่มรู้ผล ผลระยะแรกให้ผลในทางกินก่อน เช่นหุงข้าวตามธรรมดา คนกินในบ้านก็กินเท่าเดิม เพิ่มการใส่บาตร แต่ข้าวเหลือ
 
credit : เวปพลังจิต